วันศุกร์ที่ 11 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

กิจกรรมที่ 6 ความรู้ที่ได้จากการทำบล็อก

จากการที่ดิฉันได้เรียนรู้วิธีการสร้างและใช้งานบล็อก โดยมีการส่งงานผ่านทางบล็อกนั้น ดิฉันคิดว่ามีความเหมาะสมที่จะนำมาใช้ในการพัฒนาการเรียนการสอนและการบริหาร เพราะเราสามารถที่จะบันทึกเรื่องราว ข้อมูล ข่าวสาร สิ่งดีๆต่างๆ ที่เราต้องการเผยแพร่ ถ่ายทอด  ให้ผู้อื่นรับทราบลงในบล็อกได้อย่างหลากหลาย เป็นช่องทางให้ครูและนักเรียนได้พัฒนาตนเอง ทั้งในด้านความรู้ ด้านทักษะการใช้คอมพิวเตอร์ สามารถนำมาประยุกต์ใช้ในกิจกรรมการเรียน  ในการปฏิบัติงาน ตลอดจนการบริหารจัดการ ให้มีความน่าสนใจ ทันสมัย  มีความรวดเร็ว มีความคล่องตัวมากขึ้น ส่งผลให้การเรียน การทำงานมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
ข้อดี ของการทำบล็อก
     1. สร้างง่ายไม่เสียเงิน คนที่มีทักษะ มีพื้นฐานด้านคอมพิวเตอร์น้อยก็สามารถทำได้
     2. ใช้งานได้สะดวก  มีความหลากหลาย  นำเสนอได้ทั้งรูปภาพและตัวหนังสือ 
     3. เป็นสื่อที่ใช้ในการแสดงความคิดเห็น ความรู้สึกของผู้เขียนเกี่ยวกับเรื่องต่างๆ เพื่อเสนอให้ผู้คนสาธารณะได้รับรู้
     4.เป็นเครื่องมือช่วยในการโฆษณา ประชาสัมพันธ์ การเสนอข่าวสารความเคลื่อนไหวขององค์กร
     5.เป็นแหล่งความรู้ใหม่ๆ ที่หลากหลาย สามารถค้นหาได้ง่าย ตรงประเด็น
     6.ผู้ที่สร้างบล็อกสามารถปรับแต่งบล็อกให้เป็นรูปแบบที่ตนต้องการได้โดยไม่ต้องมีความรู้ในเรื่องภาษาคำสั่งของโปรแกรมมากมาย ข้อเสียของการทำบล็อก
     1.เจ้าของบล็อกมีอิสระในการนำเสนอบทความ โดยไม่ต้องมีการตรวจสอบจากใครก่อน อาจโพสต์เรื่องที่ไม่เหมาะสมได้ ซึ่งเจ้าของบล็อก ต้องมีกติกาให้ตัวเอง หรือใช้จริยธรรมของแต่บุคคล ความมีเหตุมีผล ความระมัดระวัง รอบคอบในการโพสต์ข้อความต่างๆ
    2. เนื้อหาที่อยู่ในบล็อก หากไม่ใช่ผลงานวิจัย หรือ วิทยานิพนธ์ ที่ทำตามหลักวิชาการ หรือ ตัวบทกฎหมาย ก็อาจมีความน่าเชื่อถือน้อย หากเกิดความผิดพลาดใดๆ ผู้ที่นำข้อมูลไปใช้อ้างอิง อาจประสบปัญหาได้
     3. เปิดโอกาสให้พวกที่ไม่หวังดี เข้ามาเปิดบล็อก ก่อกวน หรือผู้ที่มีความคิดเห็นแตกต่างกัน มาอยู่ร่วมในชุมชนเดียวกัน เพิ่มโอกาสให้มีการแสดงออกถึงการขัดแย้งอย่างไม่มีเหตุผล สร้างความไม่สามัคคี ทะเลาะกันได้
          หลังจากที่ดิฉันได้รับการถ่ายทอดความรู้ในเรื่องวิธีการสร้างและใช้งานบล็อกจากท่านอาจารย์แล้ว ทำให้ดิฉันมีความมั่นใจในตนเองมากยิ่งขึ้นในเรื่องการใช้เทคโนโลยี เนื่องจากดิฉันมีความรู้และมีทักษะการใช้เทคโนโลยีโดยเฉพาะคอมพิวเตอร์น้อยมาก ใช้งานได้แต่โปรแกรมพื้นฐานง่ายๆ พอสามารถสร้างบล็อกได้ด้วยตนเองทำให้เกิดความภาคภูมิใจ และมั่นใจว่าเราก็สามารถทำได้ถึงแม้นว่าจะไม่ค่อยสวย ไม่มีการใช้เทคนิคขั้นสูงแต่ก็ทำให้ดิฉันมีความสุขมากกับการได้ฝึกทำบล็อก เมื่อนำไปฝึกฝนต่อยอดก็ทำให้มีความรู้และทักษะในการใช้คอมพิวเตอร์มากขึ้น ในอนาคตถ้าหากโรงเรียนดิฉันมีคอมพิวเตอร์เพียงพอสำหรับการจัดการเรียนการสอนดิฉันจะนำบล็อกไปใช้ในการจัดการเรียนการสอน เพื่อให้นักเรียนมีความสนใจในการเรียน สามารถเรียนรู้ด้วยตนเอง มีการพัฒนาตนเองในด้านทักษะการใช้คอมพิวเตอร์มากยิ่งขึ้น  นอกจากนั้นดิฉันจะพัฒนาวิชาชีพของตนเองโดยการใช้บล็อกเผยแพร่ผลงาน นวัตกรรม ข่าวสารด้านการศึกษา
ให้ผู้ที่สนใจได้รับทราบข้อมูล ข่าวสารที่ทันสมัยและเป็นปัจจุบัน และเมื่อดิฉันมีความรู้ความชำนาญมากขึ้นก็จะนำความรู้ที่มีไปถ่ายทอดให้เพื่อนครู ตลอดจนผู้ที่มีความสนใจให้สามารถสร้างและใช้งานบล็อกได้ในโอกาสต่อไป

วันพฤหัสบดีที่ 10 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

กิจกรรมที่ 5 การศึกษาดูงานประเทศมาเลเซีย - สิงคโปร์ ระหว่างวันที่ 24 - 28 มกราคม 2554

1. ขั้นตอนในการไปศึกษาดูงาน    1. ประชุมนักศึกษาทั้งหมด เพื่อลงมติเลือกประเทศที่จะไปศึกษาดูงาน  ที่ประชุมมีมติว่าไปศึกษาดูงานที่ประเทศมาเลเซียและสิงคโปร์
    2. คณะกรรมการห้อง ประชุมจัดทำโครงการ โดยมีอาจารย์ที่ปรึกษา คือ อาจารย์สุภาวดี และ
อาจารย์นพรัตน์ เป็นที่ปรึกษาในการเขียนโครงการ
    3. จัดทำโครงการและเสนอโครงการ
    4. เตรียมการก่อนการเดินทาง เช่น ติดต่อบริษัททัวร์ การทำหนังสือเดินทาง  การขออนุญาตไปศึกษาดูงานต่างประเทศ
    5. ประชุมนัดหมายกำหนดการที่แน่นอน การเตรียมพร้อมในด้านต่างๆ เช่นการแต่งกาย เวลาการเดินทาง
    6. เดินทางไปศึกษาดูงานตามหมายกำหนดการ
    7. สรุปรายงานผลการไปศึกษาดูงาน2. การเดินทางและบรรยากาศการเดินทาง
หลังจากโครงการได้รับการอนุมัติ และผ่านการเตรียมการในด้านต่างๆ เรียบร้อยแล้ว ก็ถึงกำหนดวันเดินทาง ซึ่งการเดินทางในครั้งนี้คณะของเราเดินทางโดยรถบัส จำนวน 2 คัน โดยคันที่ 1 มีท่านอาจารย์ทรงพล และอาจารย์นพรัตน์  เป็นผู้ดูแล คันที่ 2 มีท่านอาจารย์ไพศาล อาจารย์สาลินี และอาจารย์เย็นฤดี  เป็นผู้ดูแล และแล้วการเดินทางก็เริ่มขึ้น ณ บัดนี้        24 มกราคม 2554
เวลาประมาณ 4.40 น. รถออกเดินทางจากมหาวิทยาลัยราชภัฏนครศรีธรรมราช มุ่งสู่ด่านสะเดา จ. สงขลา และด่านบูกิตกายูฮิตัม เพื่อประทับตราหนังสือเดินทางออกจากประเทศไทยเข้าสู่ประเทศมาเลเซีย จากนั้นเดินทางต่อสู่เขตรัฐเคดาร์ (รัฐไทรบุรี)  เพื่อไปศึกษาดูงานที่โรงเรียน Sekolah Kebangsaan Kodiang  ซึ่งทางคณะของเราได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่นจากคณะครูและนักเรียนเป็นอย่างดี น่าประทับใจ
จากนั้นออกเดินทางต่อสู่เกาะสู่ปีนัง (Penang)  ระหว่างทางแวะแลกเงินริงกิตและสิงคโปร์ดอลล่า (SGD)  ขณะที่รถมุ่งหน้าสู่เกาะปีนังนั้นได้ผ่านสะพานปีนัง ซึ่งเป็นสะพานที่ยาวที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ระยะทาง 13.5 กิโลเมตร  เป็นสะพานแขวนที่ยาวเป็นอันดับ 4 ของโลก สร้างเมื่อปี 1985 สมัย ดร. มหาธีร์ โมฮัมหมัด (มหาเดย์)  เป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 4 ของประเทศมาเลเซีย
อาหารเย็นวันนี้รับประทานที่ภัตตาคารอาหารจีนชื่อ “Makananlaut” ซึ่งทางร้านได้ตกแต่งร้านตอนรับเทศกาลตรุษจีนประดับประดาด้วยโคมไฟสีแดงสวยงามจนอดไม่ได้ที่จะถ่ายภาพเก็บไว้เป็นที่ระลึก  เข้าสู่ที่พักประมาณ 4 ทุ่ม (เวลาท้องถิ่นมาเลเซีย) คืนนี้พักโรงแรม Grand Continental Hotel
          25 มกราคม 2554 
วันนี้ ออกเดินทางจากโรงแรมเวลาประมาณ 8.00 น.  เพื่อไปชมป้อมปืน และท่าเทียบเรือ Star Cruises จากนั้นแวะทานอาหารเที่ยงที่ร้าน Garden Restaurant  ทานอาหารเสร็จเรามุ่งหน้าสู่กรุงกัวลาลัมเปอร์ (เมืองหลวงของมาเลเซีย) ระหว่างทางแวะถ่ายภาพกับพระราชวังแห่งชาติอิสตาน่าเนการ่า  (Istana Negara)  อนุสาวรีย์ทหารอาสา ที่สร้างเพื่อเป็นอนุสรณ์สถานให้แก่ทหารอาสา เมื่อครั้งร่วมรบในสงครามโลกครั้งที่ 2
เวลาประมาณ 14.30 น. แวะถ่ายภาพ ณ จัตุรัสเมอร์เดก้า (Merdaka Square) หรือจัตุรัสอิสรภาพ  ซึ่งรายล้อมไปด้วยอาคารยุคอาณานิคม  เป็นสถาปัตยกรรมแบบอินเดียและอาหรับที่งดงาม  จุดเด่นคือ เสาธงที่สูงถึง 100 เมตร  อดีตเคยเป็นเสาธงที่สูงที่สุดในโลก และชมสัญลักษณ์ของมาเลเซีย นั่นคือตึกแฝด       เปโตรนาส (Petronas Twin Towers) สูง 451.9 เมตร  มี 88 ชั้น มีจุดให้ชมวิวอยู่ที่ชัด 41 สร้างเสร็จปี 1996 ครองสถิติตึกแฝดสูงที่สุดในโลก  แวะ Shop ร้าน Cocoa Boutique ซื้อ chocolate (ติด 1 ใน 5 ของโลก)
เวลา 16.30 น. มุ่งหน้าสู่ Genting Highland ถึงสถานี Cable Car  เวลาประมาณ 17.30น. เราเดินทางต่อโดยการนั่งกระเช้าไฟฟ้า ระยะทางประมาณ 3.5 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 15 นาที ท่ามกลางขุนเขา ป่าไม้อันอุดมสมบูรณ์ เมฆหมอกพัดผ่านตัวเราตลอดเวลาช่างเป็นประสบการณ์ที่น่าตื่นเต้นเป็นที่สุด เข้าที่พักและรับประทานอาหารเย็นที่โรงแรม First World เวลาประมาณ 1 ทุ่ม  ชมบรรยากาศยามค่ำคืนของ Genting Highland ตามอัธยาศัย
         26 มกราคม 2554
                หลังจากรับประทานอาหารเช้าที่ภัตตาคารของโรงแรม First World  เวลาประมาณ 9.30 น. ได้เดินทางลงจาก Genting  โดยรถบัสของ Genting  เนื่องจากสภาพอากาศไม่สู้ดีนักมีฝนตกและลมแรง ทำให้เราได้มีโอกาสสัมผัสความสวยงามของธรรมชาติสองข้างทาง ซึ่งถือได้ว่าเป็นกำไรจากการเดินทางในครั้งนี้ที่ได้สัมผัสกับการเดินทางสองรูปแบบ 
                เวลา 10.45 ไกด์พาเราแวะ Shop ร้านนาฬิกา Swiss ซึ่งก็ตามระเบียบได้กันไปคนละเรือนสองเรือน หลังจากรับประทานอาหารเสร็จออกเดินทางมุ่งหน้าสู่เมือง ปุตราจาย่า ห่างจากกรุงกัวลาลัมเปอร์ 25 กิโลเมตร ซึ่งเป็นเมืองที่รวมเอาหน่วยราชการ กระทรวง ทบวงกรมต่างๆ มาอยู่รวมกัน เพื่อให้เป็นศูนย์กลางการบริหารประเทศ  เมืองนี้สร้างโดยแนวคิดของมหาเธร์ โมฮำหมัด อดีตนายกรัฐมนตรี ระหว่างทางก่อนถึงปุตราจาย่า เราได้แวะชมสะพาน Butra Bridge กับมัสยิตสีชมพู ปุตรา (Putra Mosque) เป็นมัสยิตที่สวยงามมาก สร้างด้วยหินอ่อน จุคนได้ถึง 15,000 คน จากนั้นเดินทางมุ่งหน้าสู่โยโฮบารู เมืองชายแดนติดกันประเทศสิงคโปร์ ถึงด่านประทับตราหนังสือเดินทางออกจากมาเลเชียเพื่อเข้าสู่สิงคโปร์ที่ด่านวู๊ดแลนด์ คืนนี้เราได้นอนพักในสิงคโปร์ที่โรงแรม A Queen Lavender
          27 มกราคม 2554
                โปรแกรมในวันนี้เราจะเดินทางสู่เกาะเซ็นโตซ่า (Sentosa Island)ระหว่างเดินทางไกด์นำเราแวะร้านขายน้ำหอม ของที่ระลึก และช้อปปิ้งบริเวณถนน Orchard  ซึ่งเป็นถนนที่ขึ้นชื่อเรื่องแฟชั่นของสิงคโปร์(ได้แต่ดูซื้อไม่ลงจริงๆแพงมากๆ) 
                หลังจากทานมื้อเที่ยงเสร็จเราเดินทางต่อสู่เกาะ Sentosa  ได้ชื่อว่าเป็นเกาะหรรษาสิ่งก่อสร้างสวยงามแปลกตา ทิวทัศน์ บรรยากาศ เหมาะเจาะลงตัวมองไปทางไหนก็ตื่นตาตื่นใจไปหมด  และได้ตื่นเต้นกับการชมภาพยนตร์ 4 D Magic เพราะเคยชมแต่ 3 มิติ พอเจอ 4 มิติ ทำให้ทึ่งและตื่นเต้นสุดๆ เสมือนจริงทุกประการ ฝนตกจริงเปียกจริง
                เวลา 16.30 น. ได้เข้าชม Song of the sea (น้ำพุเต้นระบำ)  กับบรรยากาศยามค่ำ นั่งชมแสง สี เสียง บนม่านน้ำที่เต้นระบำ เหนือคำบรรยายสวยงามมาก  หลังจากนั้นก็ทึ่งอีกกับการได้ล่องเรือชมอ่าวสิงคโปร์ยามค่ำคืน ซึ่งเคยเห็นแต่ในทีวี พอได้สัมผัสกับของจริงสวยยิ่งกว่าในทีวี ประทับใจมาก จากนั้นเราก็เดินทางกลับสู่ประเทศมาเลเซียอีกครั้ง เข้าพักที่โรงแรม Selasa                                                                                           
         28  มกราคม 2554
                วันนี้เราออกเดินทางตั้งแต่เช้า ประมาณ 6 โมง เพราะไกด์บอกว่าต้องการให้ถึง นครศรีธรรมราชก่อนเที่ยงคืน ซึ่งเป็นสิ่งที่พวกเราทุกคนต้องการ ดังนั้นวันนี้ทั้งวันส่วนใหญ่อยู่แต่บนรถ เพื่อที่จะได้กลับถึงบ้านเร็ว พวกเราทำเวลาทุกที่ได้ดีมาก
                ประมาณ 18.30 น. ถึงร้านดิวตี้ฟรี ร้านปลอดภาษีที่ทุกคนรอคอย โดยไกด์ให้เวลาเรา 1 ชั่วโมง ทุกคนทำเวลาได้ดีเหมือนเดิม เวลาประมาณ 2 ทุ่ม เราได้เดินทางถึงชายแดนไทย แวะรับประทานอาหารเย็นกันอย่างอเร็ดอร่อยเพราะเป็นอาหารไทยที่รอคอยมาหลายวันแล้ว   ประมาณ เที่ยงคืนเราก็เดินทางสู่มาตุภูมิ โดยสวัสดิภาพ 
3. สิ่งดีๆ ที่ได้จากการศึกษาดูงานในครั้งนี้
       1. ความมีระเบียบวินัย
                จากประสบการณ์ที่ได้พบเจอมาทั้งในประเทศมาเลเซียและสิงคโปร์ สิ่งที่ดิฉันประทับใจในสองประเทศนี้คือความมีระเบียบวินัยของคนในชาติ จะเห็นได้ว่าทั้งสองประเทศนี้ให้ความสำคัญ ส่งเสริมและปลูกฝังจนทุกคนสามารถนำไปปฏิบัติได้เป็นอย่างดียิ่ง เช่น
-  การเข้าคิวการใช้บริการต่างๆ เช่นเข้าคิวซื้ออาหาร เข้าห้องน้ำ ขึ้นรถโดยสาร เป็นต้น
-  การตรงต่อเวลา เช่น โรงแรมในสิงคโปร์กำหนดให้ทานอาหารเช้าได้ตั้งแต่เวลา 6.00 น. เราไม่สามารถไปทานก่อนเวลาที่กำหนดไว้ได้ ใครเข้าไปก็จะถูกไล่ออกมา
-  การรักษากฎระเบียบ เช่น วันที่เราลงมาจาก Genting  โดยรถบัส คนในรถเราเกิน 3 คน เจ้าหน้าที่ต้องให้ลงจากรถเพราะเขากำหนดจำนวนคนห้ามเกินจำนวนที่นั่งในรถ เพื่อความปลอดภัยของผู้โดยสาร
ดังตัวอย่างที่กล่าวมาจะเห็นได้ว่าประเทศที่มีระเบียบวินัยจะพัฒนาได้ง่ายและเจริญเร็วกว่า สังคมมีระเบียบ สงบสุขมากกว่า ดังนั้นดิฉันคิดว่าจะนำประสบการณ์ สิ่งที่ไดพบเห็นมาบอกเล่า นำมาเป็นตัวอย่างให้นักเรียนได้รับรู้ ได้ตระหนักและเห็นคุณค่า ความสำคัญของความมีระเบียบวินัย ตลอดจนนำมาเป็นแนวทางในการทำงาน ในการดำเนินชีวิตของตนเองให้ดียิ่งขึ้นต่อไป
2. ความปรีชาสามารถของผู้นำ
จากการได้ฟังเรื่องราว ประวัติความเป็นมาต่างๆ ของประเทศมาเลเซียและสิงคโปร์ จากไกด์ ทำให้ดิฉันตระหนักมากยิ่งขึ้นว่าผู้นำมีความสำคัญต่อความเจริญก้าวหน้าขององค์กร ของประเทศชาติเป็นที่สุด ประเทศไหนมีผู้นำที่ดี มีความสามารถ มีคุณธรรมก็จะสามารถนำพาประเทศไปสู่ความเจริญในทุกๆด้าน ดังจะเห็นได้จากผู้นำของประเทศมาเลเซีย เมื่อย้อนไปประมาณ 20-30 ปีก่อนประเทศมาเลเซียยังเป็นประเทศที่มีความเจริญล้าหลังอยู่ในอันดับท้ายๆ ของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ แต่ปัจจุบันนี้มาเลเซียมีความเจริญก้าวหน้าอยู่ในอันดับสองเป็นรองแค่เพียงประเทศสิงคโปร์เท่านั้น เพราะมาเลเซียมีผู้นำที่ดี มีความสามารถ มีวิสัยทัศน์กว้างไกล มีความตั้งใจ จริงใจ เห็นประโยชน์ส่วนรวมมากกว่าส่วนตน เช่น ดร. มหาธีร์ โมฮัมหมัด (มหาเดย์) ท่านเป็นที่เคารพ ยกย่อง เป็นวีรบุรุษ ของคนมาเลเซีย เพราะท่านเป็นผู้นำที่เก่ง และเป็นผู้นำที่ดี
ดังนั้นดิฉันจึงได้แนวคิดว่าการเป็นผู้นำที่ดีนั้นจะต้องเป็นผู้ที่ดีพร้อมทั้งกาย  วาจา ใจ สติปัญญา และอารมณ์ ต้องเป็นผู้ที่มีคุณธรรมจริยธรรม จึงจะทำให้การทำงานประสบความสำเร็จได้อย่างมีประสิทธิภาพ

วันอังคารที่ 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

กิจกรรมที่ 4

บริบทของสถานศึกษา
                โรงเรียนวัดโบสถ์ตั้งอยู่ที่ หมู่ 9  ตำบล ปากพูน อำเภอ เมือง จังหวัด นครศรีธรรมราช   เป็นโรงเรียนขยายโอกาสทางการศึกษา  ปัจจุบันปีการศึกษา 2553  มีจำนวนนักเรียน  372  คน (ข้อมูล ณ วันที่ 10 มิถุนายน 2553)  เปิดสอนระดับอนุบาล - ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3  มีห้องเรียนจำนวน 12  ห้อง ห้องพิเศษ 6 ห้อง มีครูและบุคลากรทางการศึกษา 21 คน  ผู้อำนวยการ 1 คน นักการภารโรง 1 คน
โครงสร้างการบริหารงาน
                ปีการศึกษา 2553  โรงเรียนวัดโบสถ์จัดโครงสร้างการบริหารเป็น 4 ฝ่าย ประกอบด้วย   ฝ่ายบริหารงานวิชาการ ฝ่ายบริหารงานทั่วไป  ฝ่ายบริหารงานงบประมาณ และฝ่ายบริหารงานบุคคล 
จุดเด่น 
1. โครงสร้างการบริหารงานของโรงเรียนชัดเจนเป็นระบบ โปร่งใสตรวจสอบได้
2. ปริมาณครูเพียงพอ ครูมีความรู้ความสามารถที่หลากหลาย มีประสบการณ์มากและสอนอยู่ที่โรงเรียนไม่น้อยกว่า 5  ปี  รู้ถึงสภาพความเป็นอยู่และความพร้อมของผู้เรียนเป็นอย่างดี ทุกคนมีความมุ่งมั่นในการพัฒนาตนเอง และปฏิบัติหน้าที่งานสอนได้อย่างเต็มตามศักยภาพ
3. ผู้ปกครองและคณะกรรมการสถานศึกษา  ชุมชน  องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นให้ความร่วมมือกับการบริหารการศึกษาของโรงเรียนเป็นอย่างดี
4. ในชุมชนมีปราชญ์ชาวบ้านที่มีความรู้หลากหลายสาขา ที่ให้การสนับสนุนการจัดการเรียนการการสอนของโรงเรียนเป็นอย่างดี

จุดด้อย
1. นักเรียนขาดวินัย ขาดความรับผิดชอบต่อหน้าที่ตนเอง ไม่มีความใฝ่รู้  ไม่รู้จักใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์
2. นักเรียนส่วนใหญ่มาจากสภาพครอบครัวที่ยากจนและมีปัญหา เช่นพ่อแม่หย่าร้าง พ่อหรือแม่เสียชีวิต  นักเรียนถูกทอดทิ้งให้อยู่กับญาติผู้ใหญ่ จึงส่งผลกระทบโดยตรงต่อการพัฒนาคุณภาพของผู้เรียน
3. ครูมีความรู้เกี่ยวกับการใช้สื่อ  เทคโนโลยี  ค่อนข้างน้อย
4. โรงเรียนขาดแคลนอุปกรณ์ สื่อเทคโนโลยี โดยเฉพาะคอมพิวเตอร์ซึ่งมีไม่เพียงพอต่อการจัดการเรียนการสอน
การใช้เทคโนโลยีกับระบบข้อมูลสถานศึกษา
ข้อมูลนักเรียน ข้อมูลบุคลากร ข้อมูลสถานศึกษา  ใช้โปรแกรม  Student   Smis  Obec  เพื่อจัดเก็บข้อมูล  สามารถค้นหาข้อมูลต่างๆ ได้อย่างสะดวกและรวดเร็ว 
แนวทางการแก้ปัญหาโดยใช้นวัตกรรม (INNOVATION)
            จากจุดด้อยของสถานศึกษา เมื่อนำมาวิเคราะห์เพื่อหาแนวทางในการปรับปรุงแก้ไขโดยใช้นวัตกรรมทางเทคโนโลยีนั้น ในความเห็นของดิฉันคิดว่าคงใช้เวลานานพอสมควรประการแรกเนื่องจากสภาพทางครอบครัวของนักเรียนส่วนใหญ่มีปัญหา ฐานะยากจน และจากการสำรวจ    การสอบถามนักเรียน ทำให้ทราบว่านักเรียนประมาณร้อยละ 95 ที่บ้านไม่มีคอมพิวเตอร์ใช้  ประการที่ 2 โรงเรียนขาดแคลนคอมพิวเตอร์ มีเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ใช้งานได้ประมาณ 3 เครื่อง ต่อนักเรียน 372 คน ซึ่งไม่เพียงพอต่อการจัดการเรียนการสอนได้  ดิฉันคิดว่าปัญหาดังกล่าวเป็นปัญหาเร่งด่วนที่ควรได้รับการแก้ไข  เพราะการจัดการศึกษาในปัจจุบันต้องทันโลก ทันเหตุการณ์ ทันต่อการเปลี่ยนแปลงโดยเฉพาะด้านเทคโนโลยี
                ในอนาคตข้างหน้าถ้าทางโรงเรียนมีแนวทาง และสามารถแก้ไขปัญหาดังที่กล่าวมาข้างต้นได้นั้น ดิฉันคิดว่าจะนำความรู้ที่ได้จากการถ่ายทอดความรู้เรื่อง การสร้างเว็บบล็อก (Web blog)  จากท่านอาจารย์อภิชาต วัชรพันธุ์  มาเป็นแนวทางในการพัฒนาการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนของตนเอง พัฒนางานของทางโรงเรียน และเมื่อดิฉันมีความชำนาญ และใช้ได้ผลดี ดิฉันก็จะนำความรู้ไปถ่ายทอดให้กับเพื่อนครูในโรงเรียนตลอดจนผู้ที่สนใจ เพื่อต่อยอดและขยายผลให้ครูได้พัฒนาตนเองในเรื่องเทคโนโลยีมากยิ่งขึ้น